กำแพงร้องไห้ (Wailing wall)

ประมาณเกือบ 3,000 ปีก่อน มีเมืองๆ หนึ่งถูกสร้างขึ้น … เมืองเดียวกันนี้ ถูกยึดครอง ทำลาย สร้างใหม่ และทำลาย … วนเวียนอย่างนี้ ไม่เคยว่างเว้นจนถึงปัจจุบัน  

อ่านถึงตรงนี้ หลายคนคงคิดว่า เมืองที่ว่านี้ คงเป็นเมืองที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่ง หรือ เป็นแหล่งน้ำมันอันยิ่งใหญ่ … เปล่าเลย นอกจากจะตรงกันข้ามแล้ว เมืองนี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่แห้งแล้งอีกต่างหาก  

เมืองเดียวกันนี้ มีพื้นที่ประมาณ 1 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น มีประตูเมืองถึง 7 แห่ง ภายในเมืองยังถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 เขต … แต่ละเขต กำหนดให้แยกออกจากกัน ตามความเชื่อที่แตกต่าง!!  

ภายในตัวเมือง มีสถานที่สำคัญแห่งนี้ บริเวณดังกล่าว จะมีคนเดินมาสวดมนต์ บางคนพูดพร่ำเหมือนบ่น และบางคนร้องไห้ กับ เศษซากอะไรสักอย่าง ที่เรียกกันว่า กำแพงร้องไห้ (Wailing wall)   

ความจริงแล้ว กำแพงร้องไห้ คือ ส่วนที่หลงเหลือของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกทำลายลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า โทษฐานเป็นสัญลักษณ์ทางความเชื่อของพวกเขา … ความเชื่อที่แตกต่าง

ทุกวันนี้ สงครามยังไม่เคยยุติ และดูเหมือนว่ายังไม่มีวี่แววจะยุติ ประเทศอันเป็นที่ตั้งของเมืองนี้ กำหนดให้ ทั้งชายและหญิง เมื่อถึงเกณฑ์จะต้องเข้าฝึกทหารทุกคน และรับปืนมา 1 กระบอก ให้นำไว้ใกล้ตัวในสภาพพร้อมรบตลอด 3 ปี (หญิง 2 ปี) !? 

John Lennon ร้องไว้ในเพลง Imagine ท่อนหนึ่งว่า Imagine there’s no countries. It isn’t hard to do. Nothing to kill or die for. And no religion too …”  

เมืองนี้คือเมืองอะไร? ลอง search คำว่า กำแพงร้องไห้ ดูเองแล้วกัน เพราะที่เขียนมานี่ ก็อยากบอกว่า เมืองไทย มีความเชื่อที่แตกต่าง … รอวันแตกหัก เช่นกัน     

khun_aut

dscn6929.jpeg 

Inspired by: Pocket book เที่ยวสองดินแดน แห่งพันธสัญญาและฟาโรห์ โดย อัลฟาและโรมิโอ