กันสมิธ (6)
ฉาก 13 : ไกลจากตัวเมืองออกมาประมาณ 30 นาที แจ๊คขับรถเฟียตมาจอดหน้าลานกว้าง บริเวณนี้เป็นจุดพักรถระหว่างการเดินทาง มีปั๊มน้ำมันขนาดเล็ก และร้านอาหาร 2-3 ร้านเป็นอาคารติดๆ กัน
แจ๊คเลือกโต๊ะค่อนไปทางด้านท้ายร้านอาหาร ด้านหลังเป็นผนังห้องน้ำ จากจุดนี้แจ๊คสามารถมองเห็นบริเวณร้านได้เกือบทั้งหมด ทำเลที่เขาเลือกทำให้รู้ว่านัดหมายเช้านี้คงไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ทั่วไป
“สวัสดีแจ๊ค” มธิลดาเปิดประตูกระจกด้านหน้าร้านอาหารเดินเข้ามาและกล่าวทักทาย
แจ๊คยกกระเป๋าแซมโซไนท์สีดำขึ้นมาวางบนโต๊ะ เขามีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าการพบกันครั้งก่อน “ระยะเหนี่ยวไกกับศูนย์เล็งผมปรับให้เรียบร้อยแล้ว” เขาบอก
เสียงพนักงานพูดคุยกันอยู่ไกลๆ หลังเครื่องทำกาแฟ ผู้คนในร้านอาหารบางตา มธิลดามองหน้าแจ๊คเหมือนต้องการถามอะไรสักอย่าง แจ๊คมองนักสังหารหมายเลขสองเหมือนกำลังนั่งอยู่กับมธิลดาเพียงลำพัง
“ฉันขอตัวสักครู่!” มธิลดาคว้ากระเป๋าแซมโซไนท์แล้วลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำหญิง
แจ๊คเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เวลาสุ่มเสี่ยงแบบนี้เหตุการณ์อะไรก็เกิดขึ้นได้ แจ๊คกระสับกระส่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาตัดสินใจหยิบปืนพกประจำตัวจากกระเป๋าด้านในออกมาซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทด้านนอก
มธิลดาวางกระเป๋าแซมโซไนท์ลงบนเคาเตอร์อ่างล้างหน้าแล้วใส่รหัส 014 กระเป๋าถูกเปิด เธอหยิบแผงวางอุปกรณ์หลอกตาออก ปืนซุ่มยิงถอดเป็นส่วนๆ วางเรียงอย่างดีอยู่ในนั้น
เมื่อเห็นว่าอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยดี มาธิลดาปิดฝากระเป๋าแซมโซไนท์แล้วล้วงหยิบปืนพกออโตเมติกในกระเป๋าสะพายออกมา เธอหมุนกระบอกเก็บเสียงแน่นแล้วเก็บปืนเข้าที่ เธอมองตัวเองในกระจกด้วยสายตานิ่งเรียบและถอนใจ
…
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี” มธิลดาบอกขณะยืนอยู่หน้าโต๊ะ แจ๊คยืนขึ้น มือล้วงกระเป๋าสูทแล้วพยักหน้า
มธิลดาเดินนำแจ๊คไปที่รถของเธอ ประตูรถถูกเปิดออกเพื่อวางกระเป๋าพร้อมกับก้มหยิบซองสีน้ำตาลในรถออกมา ส่วนแจ๊คกำปืนไว้ เขาเหลือบตาไปรอบๆ บริเวณพร้อมกับภาวนาให้ทุกอย่างจบลงโดยดี
ลมกระโชกผ่านเขาและเธอ วินาทีเผชิญหน้ามาถึงแล้ว มธิลดายื่นซองใส่เงินสีน้ำตาลให้แจ๊ค เขารับมันไว้ด้วยมือซ้าย ทั้งสองยืนมองหน้าเหมือนรอเวลาเหมาะสม
ครืดดด …
เสียงรถบัสสีส้มจอดห่างไปสัก 10 เมตร นักเรียนหลายสิบคนเดินลงมาผ่านหน้าเขาทั้งสองเข้าไปในร้านขายอาหาร
การยิงต่อสู้กันต่อหน้าเด็กๆ แม้ไม่ใช่ข้อห้ามของนักสังหาร แต่ถ้าเลือกได้พวกเขาเลือกไม่
“ขอให้โชคดี” มธิลดาเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งทั้งที่มือขวายังซุกอยู่ในกระเป๋าสะพาย แจ๊คยืนมองเธอขับรถห่างไปจนลับตา
ฉาก 14 : หน้าโบสถ์กลางเมืองคาสเทลเวคกิโอ เทศกาลแห่พระแม่มารีประจำปีดึงดูดผู้คนในเมืองและนักท่องเที่ยวหนาตากว่าเวลาปกติ คาร่าชะเง้อรอแจ๊คที่ยังไม่มาตามเวลานัดหมาย
“แจ๊ค” คาร่าส่งเสียงดีใจเมื่อเขาเดินเข้ามาสัมผัสไหล่เธอจากด้านหลัง
“คุณไปไหนมา” คาร่ากระชับปกเสื้อสูทของแจ๊คเพื่อโน้มตัวเขาลงมาก่อนประทับจูบอบอุ่น
แจ๊คยื่นซองสีน้ำตาลใส่มือคาร่าแล้วบอกว่า “เราจะไปอเมริกาด้วยกัน”
“คุณหมายถึงเราสองคน เราจะไปด้วยกันใช่ไหม” คาร่าพูดติดๆ ขัดๆ เธอจ้องมองแจ๊คด้วยใบหน้าสงสัยและน้ำตารื้น แจ๊คพยักหน้านิ่งแล้วกอดคาร่าไว้
แจ๊ครู้ดีว่าตอนจบไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่บอกคาร่าไป เขาจับไหล่ของเธอไว้แน่นพร้อมกับแหงนมองขึ้นไปทางหลังคาโบสถ์และบริเวณรอบๆ เหมือนกำลังมองหาใครสักคน
“คุณเก็บซองนี้ไว้แล้วไปรอผมที่เดิม ผมยังมีงานที่ต้องทำให้เรียบร้อย เสร็จแล้วผมจะตามไปหาคุณทันที” แจ๊คเขย่าตัวคาร่าเบาๆ
ศูนย์เล็งของปืนซุ่มยิงจากมุมสูงทาบลงตรงท้ายทอยแจ๊คขณะเขาจูบคาร่าเนิ่นนาน
ปัง!
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขุนอรรถ
เย้เย้มาแย้ว ยังไม่อ่าน อิอิ
ขอบคุณหลาย ๆ ขะรับพี่ทั่น ทุกกระดึ๊บของพี่ทั่นมิต่างหลังบาทาประทานแนบแก้มก้นผู้น้อยให้ลงมือเขียนนิยายเสียที จะนิยายตะบักตะบวยห่วยแตกอะไรช่างเหอะ เขียนไปเขียนไป หากมัวจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ยังงี้ กี่ร้อยวันพันปีไม่มีวันได้เรื่อง
กันสมิธมาถึงตอนที่ 6 แล้ว เท่ากับผู้น้อยโดนไป 6 ป้าบ พยายามนั่งผูกเรื่องสุดฤทธิ์ ยังไม่มีพล็อตไหนแรงพอกระตุกมู่เล่เครื่องยนต์คูโบเต่าให้ขยับ
สังหรณ์ใจว่าจะต้องโดนอีกป้าบ!
เก็บไว้ก่อน แล้วจะกลับมาอ่านขะรับ
คารวะ
จบตอนร้ายกาจมมั่ก!
ฉากเผชิญหน้าของแจ๊คกะมาธิลด้าก่ออารมณ์ไม่น่าไว้ใจ, เอาแน่ไม่ได้, รอให้ลุ้นอย่างร้ายกาจ (หากสามารถขยายภาพตรงนี้หน่วงเวลาอ่านให้ได้ลุ้นออกอีกสักหลายบรรทัดคงไม่เลว) ไม่ทราบข้าพเจ้าจำสับกับเรื่องอะไรอีก เป็นฉากส่งของเสร็จ คนนึงเข้าห้องน้ำเตรียมออกมาสังหาร อีกคนรอลุ้นว่าจะมาไม้ไหน
ฉากยังงี้น่าเ่ล่น คนเขียนก็สนุก
คิดถึงช่วงเวลาที่บ้านหนอนยังคึกคักด้วยเหล่านักหัดเขียน หากเรื่องนี้ลงตอนนั้น คอมเม้นต์แลกเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด ประสบอ่าน ตรึม! อีกทั้งยังเป็นแรงใจให้ได้อีกหลายต่อหลายเรื่องตามมา อ่านกันเพลินทุกวัน
น่าเสียดาย ห้วงเวลานั้นถูกทำลายไปแล้ว (จะด้วยผีห่าซาตานตนไหนก็ตามที) ยามนี้คล้ายผู้น้อยนั่งอ่าน ‘กันสมิธ’ อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ ไม่เป็นไร น้ำหยดเดียวอาจกลายเป็นไอหายไปกับอากาศ หรือกลายเป็นลำธาร, แม่น้ำ, ลำคลอง, ห้วยหนอง, ทะเล กระทั่งมหาสมุทร คงต่างกันแค่หยดแล้วหยุดหรือหยดไปเรื่อย หยดไม่ยอมหยุดนั่นกระมัง
คารวะ
ของฝาก : ‘ค่อนไปทางด้านท้ายร้านอาหาร’ เท่ดีที่เอาท้ายมาใช้กับร้านอาหาร โดยมากพบกับลักษณะนามที่มีหัว (เลยต้องมีท้าย) เ่ช่นรถ, เรือ หรือคน (บั้นท้าย อิอิ) แต่กับร้านอาหารซึ่งมีหน้า (แต่กลับไม่มีหัว อะไรเอ่ย..มีหน้าแต่ไม่มีหััว?) เยี่ยงเดียวกับหนังสือ มีปกหน้าจึงมีปกหลัง (มิใช้่ปกท้าย) เท่ดีจริงอยู่ แต่แง่ความเหมาะสมรบกวนพี่ทั่นพิจรารณา
ตอนสุดท้ายเขียนจบแล้ว งานนี้ง่ายกว่างานทั่นพี่เยอะ พล็อตก็ไม่้ต้อง จินตนาการก็ไม่ต้อง หาเทคนิคเล่าเรื่องอย่างเดียว
ผมใช้วิธีนั่งเขียนให้จบหนึ่งตอนรวดเดียว ไม่เขียนไว้ครึ่งๆ กลางๆ แล้วมาต่อให้จบตอน เขียนเสร็จอ่านและขัดเกลา จากนั้นนำขึ้นโพสเลย
แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น บางช่วงยาวได้กลับสั้น บางช่วงควรสั้นกระชับกลับยืดยาด ยังต้องตั้งใจอ่านตั้งใจเขียนอีกไม่รู้สักเท่าไหร่
เห็นคอมเม้นท์พี่ทั่นทุกครับแล้วปลื้มใจ “เขียนแล้วมีคนรออ่าน” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง จะอ่านกี่คนมากน้อยไม่ใช่ประเด็น แถมยิ่งวิพากษ์วิจารณ์ยิ่งชอบ เพราะยิ่งรู้ว่าขาดพร่องตรงไหน
สุดท้าย การเขียนเรื่องสั้นกึ่งยาว(จริงๆ น่าจะเรียกการเล่าเรื่องมากกว่า) ต้องใช้วินัยไม่น้อย นึกเห็นภาพนักเขียนนั่งเขียนงานทุกวันก็อดคิดหนักไม่ได้ว่า เราจะเอาดีได้ไหม
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการติดตาม ขอหันไปเขียนความเรียงคั่นบ้างนะพี่ทั่นนะ
คารวะสองอึก
: )
^ ^